ศูนย์พระเครื่องจตุคาม

ดูรายการวัตถุมงคล  

รุ่นมงคลบารมีครอบฟ้าคลุมดิน



ความเป็นมาในการจัดสร้าง เนื่องด้วยคณะกองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโทได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำกิจกรรมในทางพุทธศาสนาและงานสาธารณะประโยชน์อันเป็นการรักษาปฏิปทางานพุทธภูมิ ซึ่งเล็งเห็นถึงพระบารมีแห่งองค์จตุคามรามเทพ ซึ่งพระบารมีมากล้น ทรงมีเมตตาอนุเคราะห์แก่บุคคลพุทธศาสนิกชน ผู้เคารพนับถือจนเป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วไป ซึ่งพระองค์ทรงสร้างบารมีช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยากเป็นการสะสมบารมีแห่งพระโพธิสัตว์โดยในแห่งการปารถพุทธภูมิอย่างเด่นชัดดังนั้นทางคณธกองทุนฯ จึงได้จัดสร้างวัตถุงคลที่ระลึกแก่พุทธศาสนิกชนทั่ไปที่มีความเคารพต่อองค์จตุคามรามเทพเทาวราชโพธิสัตว์ โดยใช้ชื่อรุ่นว่า มงคลบารมี ครอบฟ้า คลุมดิน เพื่อหาปัจจัยสมทบทุน ในการพัฒนาธุดงค์สถาน สุธาวงค์ มงคลราชพรหมปัญโญอนุสรณ์ ซึ่งทางคณะกองทุนฯ ได้รับการอุปถัมภ์ให้จัดตั้งขึ้น ณ ต.บ้านแหลม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เพื่อใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของบุคคลทั่วไปและใช้เป็นที่พักแก่พระภิกษุสงฆ์อนาจาริกทั่วไป เป็นการสร้างวิหารทานสาธารณประโยชน์ และสือต่อพระพุทธศาสนาเป็นการเผยแพร่พุทธศาสนาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหมายรวมการถวายอานิสงฆ์นี้แก่องค์จตุคามรามเทพอีกครั้งหนึ่งด้วย

 

วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง 1. สมทบทุนในการซื้อที่ดินและพัฒนาธุดงค์สถานสุธาวงศ์ มงคลราชพรหมปัญโญอนุสรณ์ 2. สมทบทุนในการก่อสร้างองค์จตุคามรามเทพ รูปยืนบานประตูสูง 2.50 เมตร จำนวน 2 องค์ (ประดิษฐาน ณ ธุดงค์สถานฯ ณ วัดพุทธพรหมปัญโญจ.เชียงใหม่) 3. สมทบทุนเริ่มต้นในการจัดสร้างวิหารถวายทั้ง 2 สถานนี้ 4. สมทบทุนเข้ากองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโทเพื่อจัดตั้งเป็นมูลนิธิต่อไป 5. เพื่อการเฉลิมพระเกียรติฉลองศิริราชสมบัติครบ 60 ปี วัตถุมงคลองค์จตุคามรามเทพ จัดสร้างโดยกองทุนหลวงปูปาน โสนันโท เพื่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนาและงานสาธารณะประโยชน์ ธรรมทานฯ วิหารทาน ประธานอุปถัมภ์โครงการ - บริษัท ลีโม่ เซิร์ฟ สตองวิลล์ จำกัด โดยคุณจารุพิศ พ่วงฉานทอง, คุณศิลปะชัย - คุณจุลณีหัตถี ผู้ดำเดินกิจการรถยนต์เช่าอันดับต้นๆ ของไทย ประธานที่ปรึกษา - พันตำรวจเอกชัยวัฒน์ และคุณภินยา ดิษยบุตร รองประธานที่ปรึกษา - พันตำรวจโทพรชัย และคุณปรารถนา ขจรกลิ่น

รูปแบบความหมายของพระบูชา ยืน และนั่ง ในส่วนของพระบูชา ได้จำลองรูปองค์พ่อ รูปแบบบานประตูวิหาร อันเป็นต้นแบบเสาหลักเมืองปี 30 ซึ่งมี 2 เศียร อันเป็นคติทางพุทธฝ่ายมหายาน โดยนัยยะความเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้เมตตาต่อสัตว์ทั้งหลาย โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ มีพระกร 4 พระกร และ 6 พระกร ทรงศาสตราวุธอันเป็นมงคล อันหมายถึงการดูแลปกปักษ์รักษษและปราบความชั่วร้าย ปัญหาอุปสรรคผู้ครอบครองสักการะบูชา ทั้งประทับยืนและนั่งบนฐานบัว อันเป็นสัญลักษณ์แก่ผู้มีบุญใหญ่ จักคู่ควรเป็นรัตนบัลลังก์ก็เฉพาะแต่พระโพธิสัตว์และพระพุทธเจ้าเท่านั้น ใต้ฐานบัวรองรับด้วย 12 นักษัตร มีความหมายแห่งบารมีองค์พ่อผู้ยิ่งใหญ่ ผู้คุ้มครองอุดหนุนค้ำจุนดวงชะตาบุคคลผู้บูชาทั้ง 12 ราศี ให้มั่งมีศรีสุข สัญลักษณ์แห่งราชันดำ จ้าวทะเลใต้ผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร คืองูใหญ่หรือพญานาคราช ตัวแทนแห่งน้ำความชุ่มเย็น และเดชอันเป็นตบะขององค์พ่อผู้สั่งสมบารมียิ่งใหญ่ ครอบฟ้า คลุมดิน การแผ่พังพานปรกองค์ศรีมหาราชฝังพระกาฬ อันแสดงถึงผู้มีอำนาจวาสนา บรรลุถึงสิ่งที่ปรารถนา ชนะมาสร ชนะคน ชนะตน เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จตลอดกาล รองรับด้วยฐานราหู 8 ทิศ เป็นการสยบสิ่งเลวร้าย ให้กลายเป็นมงคล และราหูผู้ประทานทรัพย์สินเงินทองแก่ผู้บูชา และจักนำความเป็นมงคลมาจากทิศทั้ง 8 สู่ผู้ครอบครองบูชาตลอดไป

แรกเริ่มของการสร้างหลักเมืองนครศรีธรมราชในช่วงราวปี 2528 - 2530 ทางคณะจัดสร้างหลักเมืองในครั้งนั้นต้องการที่จะแกะสลักใบหน้าจำลองขององค์พ่อจตุคามรามเทพไว้ส่วนบนของเสาหลักเมือง จึงได้ปรึกษษกับองค์จตุคามรามเทพ เพื่อหารูปใบหน้าขององค์ท่านที่แท้จริง และในครั้งนั้นจึงได้ทำการถอดพิมพ์จาก บานประตูไม้แกะสลัก ศิลปะสมัยปาละของอินเดียอันงดงาม ที่วิหารทรงม้า วัดพระมหาธาตุฯ จ.นครศรีธรรมราช เฉพาะด้านบนตั้งแต่พระอุระขึ้นไป หล่อด้วยปูนปลาสเตอร์นำไปให้องค์พ่อจตุคามรามเทพดู พร้อมกับถามว่า แบบนี้ใช่ไหม? ท่านไม่ตอบ แต่รับรูปเหมือนนั้นไปกอดและได้บอกว่า แต่ก่อนมีเพชรนิลจินดาประทับอยู่เต็มไปหมด แต่พวกมันมาเอาของกูไปจนไม่เหลือ สำหรับรูปหล่อปูนปลาสเตอร์ดังกล่าวนั้น ได้หล่อขึ้นตามคำเรียกร้องของผู้เคารพศรัทธาในองค์พ่อจตุคามรามเทพ จำนวนไม่เกิน 100 องค์ ปัจจุบันเรียกว่า เศียรพ่อรุ่นแรก นอกจากนี้แล้ว ในพระผงค์สุริยันจันทราหรือน้ำตาลแว่นอันโด่งดังที่จัดสร้างเป็นครั้งแรกนั้น หากสังเกตให้ดูจะพบว่า ได้นำรูปบานพระตูไม้แกะสลัก ดังกล่าว ทำเป็นรูปองค์พ่อนั่งชันเข่าเป็นประธานอยู่ท่ามกลางวัฏจักรนักษัตร 12 ราศี และรายล้อมด้วยพระราหู 8 ตน ดังนั้น หากจะกล่าวว่าปฐมบทแห่งการจัดสร้างพระสายจตุคามรามเทพโด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน ก็มีกำเนิดจาก รูปบานประตูไม้แกะสลัก ที่วิหารทรงม้า ในวัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช นั่นเอง แต่ในปัจจุบันในรูปแบบดังกล่าวได้ค่อยๆ เลือนหายไปกับกาลเวลา ด้วยเหตุผลนี้เอง ที่ทางคณะกองทุนหลวงปู่ปานโสนันโท เล็งเห็นถึงความลึกซึ้งของที่มาแห่งเรื่องราว จึงต้องการจัดสร้างในรูปแบบนี้ขึ้น และให้แตกต่างไปจากรูปแบบที่นิยมสร้างกันในปัจจุบัน เพื่อเป็นการบอกกล่าวและคงไว้ซึ่งที่มาแห่งจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันเป็นต้นกำเนิดของ องค์จตุคามรามเทพ และพระสายหลักเมืองนครศรีธรรมราช ให้สืบสานยาวนานต่อไป



คติและความหมายของเหรียญ และดวงตราพระเทวราชโพธิสัตว์ เป็นเหรียญกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 ซม. ซึ่งหากนำตัวเลขมารวมกันแล้วก็จะได้ 8 คือ เลขราหูนั่นเอง และดวงตราพระเทวราชโพธิสัตว์ ขนาด 4.7 ซม. เมื่อนำมารวมกันจะได้เลข 11 เป็นเลขราชาโชคด้านหน้าของเหรียญเป็นรูปวัฏจักรนักษัตร 12 ราศี รูป 12 นักษัตร คือกลุ่มดาวฤกษ์ที่ดาวเคราะห์ทั้งหลายต้องโคจรผ่าน ก่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งในทางดีและร้าย เป็นวัฏจักรตามพระสูตรด้วยการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เวียนว่ายตายเกิด แต่ผู้ที่มุ่งบำเพ็ญบารมีธรรมจนบรรลุโพธิญาณเท่านั้น จึงจักรู้แจ้งโลกธาตุโลกธรรม รู้กำหนดความเป็นไปตนเองและผู้อื่นได้ เรียกว่า จักรวาลพรหม ชาวทะเลใต้เชื่อว่า ดวงตราบุคคลใดหากมีดวงตราศักดิ์สิทธิ์ย่อมบังเกิดตบะบารมีสูงสุด องค์ราชันจตุคามรามเทพ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรศรีวิชัยจักปกป้องคุ้มครองให้มีความผาสุกยั่งยืน สยบความร้ายของดาวเคราะห์ทั้งหลายให้กลับกลายเป็นดีดังปาฏิหาริย์มีเกียรติคุณยิ่งใหญ่แผ่ไปทั่วจักรวาลภายในวัฏจักรนักษัตร 12 ราศีนั้น มีรูปองค์จตุคามรามเทพทรงสถิตย์อยู่เป็นประธานศูนย์กลางแห่งวัฏจักรความเป็นไป โดยออกแบบจากรูปบานประตูไม้แกะสลัก ซึ่งเป็นศิลปะสมัยปาละ ที่อยู่ในวิหารทรงม้าภายในวัดพระมหาธาตุฯ จ.นครศรีธรรมราช เป็นต้นเค้าเดิมประทับนั่งในท่ามหาราชลีลาสองเศียร สี่กร ถือเทพศาตร์วุธครบมือ นั่งประทับอยู่บนดอกบัวและพระราหู อันมีความหมายถึงความปรารถนาแห่งพระโพธิญาณบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์ขององค์จตุคามรามเทพ ผู้ทรงเป็นพระเทวราชโพธิสัตว์แห่งอาณาจักรทะเลใต้ ซึ่งมีความเมตตามหากรุณาอันยิ่งใหญ่ต่อสรรพสัตว์ดุจดังสุริยันและจันทรา แห่งองค์รูปองค์พ่อจตุคาม ด้านข้างองค์ท่านมีอักขระว่า พุทธะสังวิหะระตัง ปุญญังวะทามิ ความหมายว่า ด้วยบุญแห่งการนอบน้อมต่อพระรัตนตรัยอันประเสริญขอจงเป็นวิหารที่สถิตอยู่แห่งพระพุทธคุณ พระธรรมคุณและพระสังฆคุณ ส่วนด้านหลังได้นำรูปของพระผงสุรยัน - จันทรา หรือน้ำตาลแว่น มาเป็นคติหลัก ตรงกลางเป็นอักขระยันต์หัวใจธรณี และยันต์หัวใจมนุษย์ อันหมายถึง สุริยัน - จันทรา นั่นเอง เหนือสูรย์ - จันทร์ เป็นอุณาโลมเหมือนกับด้านหลังพระผงสุริยัน - จันทรา ด้านข้างมีตัวเลข 21 คือ คุณบิดา และตัวเลข 12 คือคุณมารดา นอกจากนี้ยังมีหัวใจพระคาถากำกับธาตุ จากคติธรรมของชาวชวากะในทางภาควิชาโหราศาสตร์ รูปพญาราหูทั้ง 8 หมายถึง ดาวเคราะห์สำคัญทั้ง 8 ในห้วงจักรวาล ซึ่งนำมาใช้เป็น นามวัน กำหนดเวลา ฤดูกาลอายุขัย ที่กล่าวว่าอาทิตย์เป็นวัน จันทร์เป็นเดือน ราหูเป็นปี นอกจากนี้แล้ว รูปดวงตราพญาราหู 8 ตน ซึ่งเรียงรายล้อมรอบกันเป็นวงกลมประจำในอัฏฐทิศ คือทิศทั้ง 8 กลืนกินสิ่งไม่ดีต่างๆ ไม่ให้สามารถเข้าทำอันตรายได้







ดังนั้น วัตถุมงคลที่จัดสร้างในครั้งนี้ เปรียบดังแผนผังแสดงความสัมพันธ์และเป็นไปแห่งการเคลื่อนไหวของจักรวาลก็คงจะไม่ผิดนัก ด้วยว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง เหนี่ยวนำโน้มกันเป็นวัฏจักรซึมซับคลื่นกระเสอนุภาคแห่งดวงดาวประสานรวมกับระบบธาตุในโลก ก่อกำเนิดสรรพสิ่งอย่างสมดุล อันจะช่วยส่งเสริมเกื้อหนุนดวงชะตาให้มั่นคง เจริญรุ่งเรือง แม้หากเกิดโทษจากดาวบาปเคราะห์ใดๆ ย่อมไม่เป็นโทษแก่ผู้นั้น อั้นเกิดจากหลักการนำเอาพลังที่เกี่ยวข้องกันชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ตามคติธรรมศษสตร์แห่งศรีวิชัย ซึ่งมีอิทธิพลต่อการลิขิตชะตาชีวิตของผู้คน การนำพลังดังกล่าวมาจัดสร้างเป็นวัตถุมงคล ย่อมสามารถรับพลังจากระบบจักรวาลและดวงดาวทั้งหมด ช่วยเกื้อหนุนคุ้มครองดวงชะตาของผู้เคารพบูชา หากเป็นช่วงเวลาที่ดาวศุกร์เคราะห์ให้คุณก็จะยิ่งส่งให้ผู้บูชาแรงขึ้น ดียิ่งๆ ขึ้นไป แต่หากเป็นพลังที่เป็นโทษ ก็จะผ่อนให้เบาบางลงหรือหายไป ช่วยผลักดันดาวบาปเคราะห์ร้ายให้เสื่อมฤทธิ์ลง สรุปว่า วัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้นนี้ได้มีการจัดวางตำแหน่งต่างๆ ตามศาสตร์โบราณของชาวชวากะให้มีผลตรงกับพลังแห่งดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเรานั่นเองและด้วยบารมีแห่งพระเทวราชโพธิสัตว์องค์จตุคามรามเทพ ผู้เจนจบในโลกย่อมเป็นผู้ทราบว่าใครเคราะห์หามยามร้าย ชะตาถึงฆาตหรือไม่ มีหนทางช่วยเหลือให้พ้นทุกข์หรือบรรเทาเบาบางลงได้อย่างไร เป็นผู้พังทลายล่วงพ้นอำนาจแห่งพระกาฬ มีวาจาศักดิ์สิทธิ์เป็นประกาศิตเหนือมวลชีวิต ตัดกระแสแสงเดือนแสงดาวได้ดังจารึกในคัมภีร์ ทรงมีศักดาตุภาพดุจดังพระอาทิตย์ และพระจันทร์ ย่อมมีอำนาจเหนือมวลหมู่ดวงดาว เข้าใจความเป็นไปแห่งสรรพสิ่ง และด้วยมหากรุณาอันไม่มีประมาณ ย่อมช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ตกทุกข์ได้ยาก ให้พ้นจากความทุกข์และอุปสรรคความขัดข้องทั้งปวงโดยเร็ว จึงทำให้วัตถุมงคลที่จัดสร้างในครั้งนี้ จึงเป็นวัตถุมงคลที่ช่วยเกื้อหนุนส่งเสริมดวงชะตาของบุคคลผู้เคารพบูชาให้เจริญด้วยอาวุ วรรณะ สุขะ พละ เจริญในลาภ ทรัพย์ อำนาจ วาสนา ได้อย่างแท้จริง หากเคารพบูชาประพฤติปฏิบัติในทางที่ชอบ มีศีล สัตย์ดีแล้ว ก็จะยิ่งส่งผลให้ประจักษ์ในอิทธิคุณเร็วยิ่งขึ้น

ชนวน มวลสาร ในส่วนของเนื้อโลหะต่างๆ ทางกองทุนฯ ได้ดำเนินการหลอมโลหะชนวนมวลสารต่างๆ เพื่อผสมในส่วนของการสร้างพระบูชา และพระเครื่องเนื้อต่างๆ มีมวลสารดังนี้ 1. มวลสารโลหะของกองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโท ชนวดพระกริ่งรุ่นต่างๆ - ชนวนพระกริ่งปวเรศ ที่ระลึกหล่อเกศสมเด็จองค์ปฐมทองคำปี 46 - ชนวนพระกริ่งโคตรเศรษฐีบรมจักรพรรดิชินบัญชร ที่ระลึกหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงินปี 47 ผสมชนวนพระกริ่งบัญชร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ - ชนวนพระกริ่งโปร่งฟ้าจักรพรรดิชินบัญชร พระอาจารย์วรงคต วัดพุทธพรหมปัญโญ (ศิษย์หลวงปู่ดู่ วัดสระแก พิธีวัดอ้อมใหญ่ปี 48) - ชนวนเนื้อเงิจากพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงิน (หล่อที่วัดพุทโธ จ.อยุธยา ปี 47 เกจิ 13 รูป หลวงพ่อหวล เป็นประธานเททอง) 2. ชนวนเหรียญพระเทวราชโพธิสัตว์มหาปารฏิหารย์ปี 48 ซึ่งประกอบด้วยชนวนหล่อองค์พ่อองค์ใหญ่ วัดพุทไธ, ชนวนรุ่นเจ้าสัว วัดคอหงส์, ชนวนเบ้าเอก หล่อองค์พ่อ วัดนางพระยา, ชนวน 5 เศียร เกาะทะลุปี 47, ชนวนหล่อองค์ปฐมเปิดจักรวาล, ชนวนแหวนพรหมหลวงปู่ดู่ วัดสระแก เป็นต้น 3. ชนวนเหรียญแสตมป์ปี 30 จากหลวงพ่อเกษม วัดชะเมา 4. ชนวนเหรียญองค์พ่อรุ่นสมโภชขุมทรัพย์ วัดสุทธาราม 5. ชนวนเศียรพ่อรุ่นปกเกล้า 6. ชนวนเหรียญเปิดโลกหลวงปู่ดู่ วัดสะแก 7. ชนวนขวานฟ้าโลหะ ครูบาเจ้าชัยยะวงศา 8. ชนวนแร่โคตรเศรษฐี แม่ชีประทุมโชติอนันต์ 9. ชนวนแผ่นยันต์จากพระคณาจารย์ทั่วประเทศ ทั้งยุคเก่าและใหม่กว่า 1000 แผ่น 10. ชนวนทองล้นเบ้า พิธีหลวงจากวัดหลวง 9 วัด 11. ชนวนพระมหาจักรพรรดิ จากพิธีต่างๆ กว่า 30 พิธี 12. ชนวนจากเหรียญคณาจารย์ทั่วประเทศทั้งเก่า ใหม่ กว่า 3 กิโลกรัม

ชนวน มวลสาร ในส่วนของการจัดสร้างดวงตราพระเทวราชโพธิสัตว์ ได้รวบรวมน้ำศักดิ์สิทธิ์และชนวนผงศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด พอจะบันทึกได้ดังนี้ 1. ในส่วนของน้ำศักดิ์สิทธิ์ 1.1 น้ำพระพุทธมนต์จากวัดต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 100 วัด 1.2 น้ำศักดิ์สิทธิ์จากนครศรีธรรมราช ในสายจตุคามรามเทพ เช่น ห้วยนาคราช อ.ลานสะกา 1.3 น้ำจากรอยเท้าหลวงปู่ทวดกลางทะเล อ.ขนาม จ.นครศรีธรรมราช 1.4 น้ำศักดิ์สิทธิ์จากรอยพระพุทธบาท, พระธาตุกว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศ 2. ผงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ 2.1 ผงในสายจตุคามรามเทพ เช่น ผงไม้ตะเคียนปี 30 ผงหัวเชื้อสุริยัน - จันทรา ผงพระองค์จตุคามรามเทพ รุ่นต่างๆ ที่ชำรุด, ผงไม้เทพทาโร เป็นต้น 2.2 ผงกรรมฐานของครูบาอาจารย์ต่างๆ เช่น ผงจักรพรรดิหลวงปู่ดู่ วัดสะแก, ผงหลวงพ่อเกษม เมโก, ผงหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน, ผงเสกครูบาชัยยะ วงศา, ครูบาดวงดี, ครูบาธรรมชัย, หลวงปู่โต๊ะ, หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม, ผงมหาเศรษฐีหลวงพ่อคุณ, ผงหลวงพ่อมนัส วัดทุ่งจันดำ, ผงพระคำข้าว, หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นต้น 3. ผงบังคับตามโบราณ ประกอบด้วย ผงมหาราช, ตรีนิสิงเห, พุทธคุณทั้ง 5 ผงนะปัดตลอด, ผงอิธิเจ เป็นต้น 4. ผงจากพระชำรุดกว่า 10 กิโลกรัม เช่น ผงมงคลมหาลาภวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งประกอบพิธีโดยท่านพ่อลี และพระกรรมฐานยุคเก่ากว่า 200 รูป ปี 2496 ผงพระกรุต่างๆ ผงหลวงพ่อโตวัดไร่ขิง ปี 14, ผงพระ 25 พุทธศตวรรษ 5. ผงจากอังคารธาตุ, อัฐธาตุ, เกศา กว่า 138 รูป ในสายหลวงปู่มั่น ครูบาศรีวิชัย สายใต้, ภาคกลาง และทั่วประเทศ 6. ผงว่านต่างๆ กว่า 1000 ชนิด ไม้จันทร์หอม เป็นต้น 7. ผงพระสายหลวงปู่ทวดทุกวัด ดินกากยายักษ์ ชานหมากทั่วประเทศ ในส่วนของแร่ธาตุกายสิทธิ์ต่างๆ นั้น ประกอบด้วย เหล็กน้ำพี้, ข้าวดอกพระร่วง, ขวานฟ้า (แร่ที่มากับกระแสไฟฟ้าผ่า หลวงปู่หลุยและหลวงปู่ชอบ เคยเก็บสะสมมาสร้างพระ) และแร่โคตรเศรษฐีนั้น มีความเป็นมาจากปฏิบัติธรรมของคุณแม่ชีประทุมโชติอนันต์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเนื้อชินตะกั่วแต่เมื่อได้รับมาได้ให้กรมทรัพยากรธรณีตรวจสอบพบว่า องค์ประกอบค่าโครงสร้างไม่เหมือนตะกั่วที่มีในโลก ท่านจึงนำมาจัดสร้างพระเครื่อง นำไปถวายหลวงพ่อฤกษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง อธิษฐาน ซึ่งหลวงพ่อรับพระมาพิจารณา และได้ปรารถแก่คุณแม่ชีว่า พระของโยมนะมีค่ามาก เป็ฯของที่ไม่มีในโลก เป็นของผู้สำเร็จ ท่านอธิษฐานไว้สือต่อพระพุทธศาสนา ใครได้ไปจะเป็นโคตรเศรษฐี จนไม่เป็นให้ใครทำยิ่งกว่าทำ จะไม่มีวันเสื่อมเป็นของมีค่าพันปี รักษาให้ดีนะโยม ซึ่งทางกองทุนได้รับหัวเชื้อแร่โคตรเศรษฐีมาจำนวนหนึ่ง ได้ทำพิธีสถาปนาแร่ขึ้นมาใหม่ เพื่อสืบทอดแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่คู่พุทธศาสนาต่อไป เมื่อตุลาปี 48 ซึ่งขณะทำพิธีหุงแร่ เกิดพระอาทิตย์ทรงกลด ซึ่งมีพยานในพิธีกว่า 30 ท่าน จึงดำริถือเอานิมิตรนี้ นำแร่โคตรเศรษฐีนี้มาจัดสร้างเป็นองค์จตุคามรามเทพบรมมหาโพธิสัตว์ ผู้เมตตา ขจัดอุปสรรคสมญานาม บนได้ ไหว้รับ และพระองค์จะประทานพรตามชื่อแร่แก่ผู้บูชานั่นเอง ซึ่งแร่นี้ก็คู่ควรแก่การสร้างเป็นจตุคามรามเทพ ผู้สั่งสมบารมีแห่งพุทธวงศ์

พิธีกรรมในการจัดสร้าง ในส่วนของพิธีกรรม ได้ประกอบพิธีบวงสรวงกดพิมพ์พระผงน้ำตาลแว่น ในวันจันทร์ที่ 10 กรกฏาคม 2549 ตรงกับวันอาสาฬหบูชา เวลา 09.59 น. (พิธีเบิกดิน) เป็นการกดพิมพ์พระนำฤกษ์ภายในมณฑลพิธีกลางแจ้งอาบแสงสุริยัน ณ ธุดงสถาน สุธาวงศ์มงคลราชพรหมปัญโญอนุสรณ์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งปรากฏเหตุพระอาทิตย์ทรงกลดเป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง โดยเกิดขึ้น 2 วาระด้วยกัน ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ประจำพิธี เกิดพระอาทิตย์ทรงกลดครึ่งซีก ถือเป็นสัญลักษณ์ของจันทราหลังจากจุดประทัดถวายเกิดฝนตกหนัก แบบไม่ทันตั้งตัว จนน้ำท่วม ซึ่งถือได้ว่าการประกอบพิธีครั้งนี้ ได้ครบทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณธาตุ ครบตามสูตร จตุคามศาสตร์ เสมือนองค์จตุคามรามเทพเสด็จเป็นองค์ประธาน

พิธีพุทธาภิเษกและเทวาภิเษก ครั้งที่ 1 พิธีสู่คราบสมุทร วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2549 (พลีจ้าวสมุทร) ณ บริเวณกลางทะเลหน้าน้ำเกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ครั้งที่ 2 พิธีเปิดฟ้า วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2549 (ในวันลอยกระทง) ณ เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร โดยพระพิธี 9 รูป สวดเทวานพเคราะห์ พระเกจิสายใต้ อธิษฐานจิตประจำ 8 ทิศ เวลา 23.09 น. พิธีกวนสีผึ้งจันทร์เพ็ญ ราชันย์ดำ - พิธีเทวาภิเษก เชิญองค์จตุคามรามเทพและจ้าวสมุทร - พิธีพลีวัตถุมงคลลงทะเลบูชาคุณแม่ธาตุ ครั้งที่ 3 พิธีพุทธาภิเษกสมโภชน์หลวงปู่ปาน หน้าตัก 60 นิ้ว และฉลององค์พ่อขนาด 19 นิ้ว วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2549 (เสาร์ 5) ณ ธุดงสถานสุธาวงษ์มงคลราชพรหมปัญโญอนุสรณ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี โดยพระสงฆ์ 9 รูป เจริญพุทธมนต์ 13.39 น. พระพิธีธรรม 4 รูป สวดพุทธาภิเษกพระคณาจารย์สายอยุทธยา 8 รูป อธิษฐานจิต ครั้งที่ 4 วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2549 (นันทเศรษฐี) ณ ธุดงสถานสุธาวงศ์มงคลราชพรหมปัญโญอนุสรณ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เวลา 16.39 น. โดยพระพิธีธรรมสวดอิติปิโสรัตนมาลา, พุทธาภิเษก, เทวาภิเษก สวดพระพุทธคุณ ธรรมคุร สังฆคุณ 108 จบ พระคณาจารย์ 8 รูปอธิษฐานจิต ครั้งที่ 5 พิธีบวงสรวงบูรพกษัตริย์และเททองหล่อพระประจำปี 2549 ครั้งที่ 4 วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2549 ณ ธุดงสถานสุธาวงศ์มงคลราชพรหมปัญโญอนุสรณ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี พิธีเทวิภิเษกนพเคราะห์ทั้ง 9 และพิธีเททองหล่อรูปเหมือนองค์จตุคามรามเทพยืนปางมหาปาฏิหาริย์บารมีขนาด 2.50 เมตร 2 องค์ โดยพระคณาจารย์ 8 รูป แจกผ้ายันต์ในพิธี ครั้งที่ 6 พิธีสมโภชวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ วันอังคารที่ 19 ธันวาคม 2549 (แรม 14 ค่ำ เดือน 1) วัดพระธาตุ ครั้งที่ 7 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2549 (แรม 15 ค่ำ เดือน 1) ณ ศาลหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช

รายนามพระคณาจารย์ทั้ง 3 วัน วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2549 (ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 1) เวลา 13.19 น. 1.พระครูสังวรสมณกิจ (หลวงปู่ทิม) วัดพระขาว จ.อยุธยา 2.พระครูสุนทรธรรมนิวัญ (หลวงพ่อรวย) วัดตะโก จ.อยุธยา 3.พระครูประโชติธรรมวิจิตร (หวงพ่อเพิ่ม) วัดป้อมแก้ว จ.อยุธยา 4.พระครูภัทรกิจโสภณ (หลวงพ่อหวล) วัดพุทธไธศวรรย์ จ.อยุธยา 5.พระครูสุวรรณศิลธิคุณ (หลวงพ่อพูน) วัดบ้านแพน จ.อยุธยา 6.พระสุนทรธรรมมานุวัตร (หลวงพ่อเอียด) วัดไผ่ล้อม จ.อยุธยา 7.พระวิมลภาวนานุสิฐ วัดกลาง จ.สุพรรณบุรี 8.พระครูสุวัฒน์จริยาภรณ์ (หลวงพ่อประยงค์) วัดบางนมโค จ.อยุธยา 9.พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) วัดพุทธพรหมปัญโญ จ.เชียงใหม่ วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2549 (ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 1) เวลา 16.39 น. 1.พระครูสุนทรขันติคุณ (หลวงปู่สาย) วัดดอนกระต่ายทอง จ.อ่างทอง 2.พระครูสุภัทรธรรมโสภณ (หลวงพ่อทรง) วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง 3.พระครูสิริบุญเขต (หลวงพ่อมี) วัดม่วงดิน จ.อ่างทอง 4.พระครูศิริธรรมรัต (หลวงพ่อหล่ำ) วัดสามัคคีธรรม จ.กรุงเทพฯ 5.หลวงพ่อพล วัดวังยายหุ่น จ.สุพรรณบุรี 6.พระครูสมบูรณ์จริยธรรม (หลวงพ่อแม้น) วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา 7.พระอาจารย์มนัส วัดทุ่งจันดำ จ.จันทบุรี 8.พระครูปิยะนนทคุณ (หลวงปู่แย้ม) วัดตะเคียน จ.นนทบุรี วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2549 (ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 1) เวลา 15.39 น. 1.พระครูสิริชยาภรณ์ (หลวงพ่อทวี) วัดอ้อมใหญ่ จ.นครปฐม 2.พระครูสุวัฒน์จริยาภรณ์ (หลวงพ่อประยงค์) วัดบางนมโค จ.อยุธยา 3.พระครูพิชิตธีรคุณ (หลวงปู่ธีร์) วัดจันทราวาส จ.บุรีรัมย์ 4.พระอาจารย์วิชา รติยุทโต วัดขอนทุเรียน จ.นครสวรรค์ 5.พระอาจารย์ชาญ สุมังคโล วัดถ้ำพระธรรมมาสน์ จ.พิษณุโลก 6.พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) วัดพุทธพรหมภิญโญ จ.เชียงใหม่ 7.พระสังฆรักษ์อวยพร วัดดอนยาหอม จ.นครปฐม 8.พระอาจารย์ชำนาญ วัดบางกุฏีทอง จ.นครปฐม 9.หลวงปู่ทิม วัดพระขาวประธานเททอง เวลา 15.39 น.

พิเศษสุดชุดประธานกรรมการจำนวน 500 ชุด ราคาชุดละ 7900 บาท จะได้รับวัตถุมงคลดังนี้ 1. พระบูชานั่งมหาราชลีลารมดำ (ปกติ 5900) 1 องค์ 2. พระผงดวงตราเทวราชโพธิสัตว์ เนื้อพิเศษ (2 โค๊ต) 2.1 ผงไม้ตะเคียน 1 องค์ (ปกติ 1000 บาท) 2.2 ผงยาวาสนา 1 องค์ (ปกติ 1000 บาท) 2.3 ผงไม้ค้ำดวง 1 องค์ (ปกติ 1000 บาท) 3. พระเนื้อดินเผาสีขาว ดวงตราเทวราชโพธิสัตว์ จำนวน 5 องค์ 4. เหรียญมหาจักรปาฏิหาริย์เนื้อตะกั่วแร่โคตรเศรษฐี (ปกติ 500 บาท) จำนวน 5 เหรียญ 5. พระผงดวงตราเทวราชโพธิสัตว์ ด้านหน้าเนื้อยาวาสนาด้านหลังเนื้อก้นครก (ปกติ 900 บาท) จำนวน 3 องค์ 6. ผ้ายันต์ชุดพิเศษ สีแดง, ดำ, น้ำเงิน 1 ชุด ชุดกรรมการ ราคาชุดละ 1200 บาท จำนวน 800 ชุด 1. เนื้อวาสนาหลังก้นครกตะกรุดแปดดอก 1 องค์ 2. เนื้อผงพิเศษเพ้นสีลงทอง หลังก้นครก ตะกรุดแปดดอก 1 องค์ 3. เหรียญมหาจักรฯ เนื้อทองดอกบวบ 1 องค์ 4. รูปหล่อลอยองค์ เนื้อทองผสมชนวน 1 องค์